คุณติดความหวานหรือเปล่า

      เมื่อใดที่เครียด เหนื่อย หรืออ่อนเพลีย เราจะรู้สึกว่าร่างกายต้องการน้ำตาลเพื่อทำให้รู้สึกสดชื่น มีแรง และอารมณ์ดีขึ้น  คุณจะรู้สึกมีพลังพร้อมกลับมาทำงานได้ใหม่อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คำเตือนก็คือคุณไม่ควรกินอาหารหวานหรือน้ำตาลมากจนเกินไปเพราะจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ " น้ำตาลที่มากเกินกว่าความจำเป็นของร่างกายจะถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมในร่างกาย ส่งผลให้เกิดปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา"  ผู้หญิงหลายคนถึงกับบอกว่าถ้าวันไหนไม่ได้กินของหวาน จะอยู่ไม่ได้เลยทีเดียว ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองติดน้ำตาลจริงไหม                            ให้ลองสังเกตดูว่าถ้าวันไหนไม่ได้กินของหวานแล้วคุณรู้สึกอย่างไร 

• กินอย่างไรให้ชีวิตไม่ติดหวาน 

- คุณอาจคิดว่าตัวเองติดน้ำตาล แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่หรอก ร่างกายก็ไม่ได้ต้องการน้ำตาลมากขนาดนั้น วิธีที่เราขอแนะนำคือ ไม่จำเป็นต้องกินของหวานในทุกๆ มื้อ ถ้ารู้สึกหิวแนะนำให้กินผลไม้รสไม่หวานจัด เช่น ฝรั่ง หรือแอปเปิลซักลูก ควรหลีกเลี่ยงอาหารหรือขนมที่มีรสหวานจัด หรือถ้าหิวมากๆ อาจดื่มนมไขมันต่ำรสจืดสักแก้ว หรือโยเกิร์ตชนิดปราศจากน้ำตาลก็ช่วยได้

- ลดปริมาณน้ำตาลเวลาชงกาแฟหรือเครื่องดื่มอื่นๆ ที่คุณชงดื่มเอง หรือเวลาไปสั่งเครื่องดื่มตามร้านต่างๆ ที่แม้ค้าชงให้ ซึ่งปกติจะใส่ทั้งนมข้นหรือน้ำเชื่อมเป็นช้อนๆ ก็อย่าลืมรีบสั่งเป็นแบบหวานน้อย ลองค่อยๆ ปรับทีละนิด ลิ้นและร่างกายของคุณก็จะเริ่มปรับตัวและชินกับรสที่ไม่หวาน เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก คุณจะแปลกใจว่าเคยกินอาหารที่มีน้ำตาลหรือความหวานมากขนาดนั้นได้อย่างไร 

- เลือกดื่มน้ำเปล่า แทนน้ำหวานต่างๆ

- เลือกกินอาหารที่มีไฟเบอร์ โดยเฉพาะผักผลไม้ ธัญพืช

- อ่านฉลากก่อนซื้อผลิตภัณฑ์อาหาร เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลน้อยๆ

แห่งความหลัง ฉบับที่5

"ลมหนาวพัดมาไม่กี่วันแล้วก็หายไป อุณหภูมิบ้านเมืองในวันนี้ก็เป็นสุขด้วยความยินดี"

Music and creativity : ครั้งที่1

      You think you love music? You have nothing on the Ancient Greek obsession. Every aspect of Greek life was punctuated by song: history, poetry, theater, sports and even astronomy. In fact, music was so important to Greek philosopher Plato that he claimed the music we listen to directly affects our ethics. Tim Hansen wonders what Plato might have to say about the music we listen to today.
                                                                                            ขอขอบคุณความรู้ดีๆจาก: TED-Edค่ะ

วัฒนธรรมชุปแป้งทอด:อยู่เพื่อกิน...บุฟเฟ่ต์

             ปัจจุบันร้านอาหารน้อยใหญ่ หลากชนิด ทั้งเก่าและใหม่ จำนวนไม่น้อยต่างหันมาใช้ 'บุฟเฟ่ต์' เป็นกลยุทธ์ในการขาย ในขณะที่ภาพผู้คนพลุกพล่านและการต่อคิวเพื่อรับบริการ บอกถึงการตอบรับของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ใช่หรือไม่ว่า เรากำลังอยู่ในยุคที่ 'การกินแบบไม่อั้น' กำลังเฟื่องฟูสุดขีด กระทั่งได้กลายเป็นกิจกรรมทางสังคมและวัฒนธรรมไปแล้ว  เช่นนั้น การเลือกกินบุฟเฟ่ต์อาจบอกอะไรเราได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น 

      วัฒนธรรมการกิน หรือแม้แต่เศรษฐศาสตร์ของการกินวัฒนธรรมชุบแป้งทอดอยากชวนท่านผู้ชมไปสำรวจวัฒนธรรมบนโต๊ะบุฟเฟ่ต์ ไปดูกันว่า บุฟเฟ่ต์มีกำเนิดอย่างไร ทำไมถึงนิยมใครคุ้ม ใครไม่คุ้ม เรากินได้มากแต่ไหน และถึงที่สุดแล้วการกินบุฟเฟ่ต์สะท้อนอะไรในสังคม      

แห่งความหลัง ฉบับที่4

“หากเสียงนกหวีดดังกังวานไปพร้อมๆ กับเสียงแห่งสันติภาพ"

แห่งความหลัง ฉบับที่3

“การใช้เวลาเพื่อผ่าน

สิ่งที่ไม่ต้องการซึ่งมักจะมาก่อนหน้า

เพื่อรอเวลาพบสิ่งที่รอคอย”

แห่งความหลัง ฉบับที่2

จะต้องมองเห็นความสำคัญของการยึดถือใน "หลักการ" มากกว่า "ตัวบุคคล" 

ถ้าไม่มี "หลัก" เลย จะเอาผิดคนยากมาก

 เพราะไม่รู้จะยึดสิ่งใดเป็นมาตรฐาน  

เมื่อกระป๋องกลายเป็นงานอาร์ท

   “Can Man Series” เป็นโปรเจ็กต์เก๋ๆ ของศิลปินแนว Street Art ผู้ใช้นามแฝงว่า  “My Dog Sighs” ซึ่งทำงานอยู่ในเมือง Portsmouth ประเทศอังกฤษมาร่วม 10 ปี  เสน่ห์ของ Can Man Series นั้นก็คือพลังของความ “เงียบ” และ “เล็ก” ที่สามารถทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่างของผู้คนที่พบเห็นได้นั่นเอง

คอนเซ็ปต์งานศิลป์นี้ คือ การแปรสภาพกระป๋องที่เหมือนเป็นขยะกลับกลายมาเป็นงานศิลปะ เพิ่มคาแรกเตอร์อันโดดเด่นให้กับงานอย่างบรรจงด้วยความสนุกสนานแฝงสีหน้าที่ตลกร้ายผ่านงานแต่ละชิ้นด้วยประเด็นการ “สูญ” และการถูก “ทิ้ง” ของกระป๋องที่ใช้งานแล้ว กับชนชั้นของผู้ที่เดินตามท้องถนน 

ใครที่เดินผ่านมาเจอ และเกิดความรู้สึกบางอย่างกับงานเล็กๆ ชิ้นนี้จะเก็บกลับบ้านไปก็ไม่มีใครว่ากัน ว่าแล้วก็ชักอยากให้มีงานศิลปะดีๆ แบบนี้ตามท้องถนนในบ้านเราบ้าง เผื่อจะสร้างแรงบันดาลใจอะไรใหม่ๆ ให้กับคนเมืองที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลาง การ “สูญ” และการถูก “ทิ้ง” ได้บ้างเหมือนกัน

ตึกล่องหนได้ แห่งแรกของโลก

ในขณะที่ทั่วโลกต่างพากันแข่งขันเรื่องความสูงใหญ่ของตึกที่ตัวเองกำลังสร้าง ประเทศเกาหลีใต้กำลังก้าวไปสู่นวัตกรรมอีกขั้น ที่ไม่ใช่แค่ความสูงอีกต่อไป

รัฐบาลเกาหลีใต้ผ่านอนุมัติให้สร้าง "Tower Infinity" ที่นอกกรุงโซล ใกล้กับสนามบินนานาชาติอินชอน  Tower Infinity เป็นตึกที่สามารถล่องหน (หรือที่ถูกต้องคือ"พรางตัว")ได้เป็นตึกแรกของโลก ความสูง 450 เมตร และมีชั้นที่เป็นจุดชมวิวสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก

 

ความลับของการหายตัวก็คือ ภายนอกอาคารจะติดตั้งผนังจอ LED แบบใหม่ และกล้องที่จะคอยจับภาพภายนอกของตัวอาคาร แล้วนำมาฉายบนผนังจอภาพ ตัวอาคารจึงมีสภาพคล้ายกับการพรางตัวนั่นเอง

จุดประสงค์ของการสร้างก็เพื่อใช้เป็นศูนย์รวมความบันเทิงต่างๆ เช่น โรงภาพยนตร์ สวนสนุก สวนน้ำ ร้านค้า และร้านอาหารชั้นนำ พร้อมทั้งจุดชมวิวด้วย คาดว่าเมื่อสร้างเสร็จ ตึกนี้จะเข้าไปอยู่ในทำเนียบ 10 อันดับอาคารสูงที่สุดในโลก ในอันดับที่ 6

ทำไมต้องกวดวิชา

   ไม่ว่าจะเอ็นทรานซ์ แอดมิชชั่น สอบตรง สอบเข้ามัธยม ประถม หรืออนุบาล เชื่อว่าหลายคนเคยคงคุ้นเคยกับ "การกวดวิชา" ระบบการศึกษาที่เป็นเสมือน "เงา" ของการศึกษาในระบบ แต่การที่ "เงา" ถูกมองว่าทำงานได้ดีกว่า "ของจริง" มันสะท้อนอะไร และเป็นปัญหาหรือไม่

     วัฒนธรรมชุบแป้งทอดอยากชวนคุณมาเปิดห้องเรียนสำรวจโลกของการกวดวิชา และค้นหาคำตอบว่า ทำไมเด็กไทยถึงกวดวิชากันมากมายขนาดนี้ นอกจากเหตุผลส่วนบุคคลแล้ว ยังมีเหตุผลทางสังคมและทางวัฒนธรรมอะไรอีกบ้างเตรียมจดเลคเชอร์ไปกับ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ผู้จะพาคุณค้นหารากลึกของปัญหาที่สะท้อนจากภาพเงาของการกวดวิชา, อนุสรณ์ ศิวะกุล นายกสมาคมผู้บริหารและครูโรงเรียนกวดวิชา กับเรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลังของธุรกิจการศึกษานี้, และพบกับมุมมองที่หลากหลายจากประสบการณ์จริงของเด็กๆ ต่อการกวดวิชาและการศึกษาไทย

อ่านหนังสือไม่ให้ง่วง

ถ้ารู้สึกว่าอ่านเท่าไรก็ไม่เข้าใจ ความคิดไม่แล่น รู้ไว้เถิดว่าเหล่านี้คือสัญญาณที่บ่งบอกถึงความอ่อนเพลีย  ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ เลือกเวลาอ่านหนังสือให้เป็นกิจวัตรและสม่ำเสมอ

และควรเป็นเวลาใกล้เคียงกับเวลาเข้าสอบ อ่านเพื่อความเข้าใจ อย่าอ่านอย่างเดียว ให้ถ่ายทอดด้วย ด้วยวิธีไหนก็ได้ จะพูดให้ตัวเองฟังอีกที อ่านออกเสียงหรือจดใส่กระดาษ หรืออะไรก็แล้วแต่จ้า

คลายเครียดด้วยการถ่ายรูป

   การถ่ายรูปเป็นศิลปะ และศิลปะก็เป็นแนวทางหนึ่งที่ใช้คลายเครียดกันอย่างแพร่หลาย  ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่สวยๆ ถึงจะถ่ายรูปออกมาได้ไม่อาร์ตโดนใจ แค่ลองสังเกตสิ่งรอบๆ ตัวที่พอจะจุดประกายให้คุณคิดคำบรรยายภาพเจ๋งๆ ออกมาได้สักประโยค  
   แม้รูปที่ถ่ายออกมาจะไม่สวยดั่งใจ แต่อย่าไปสนใจคุณภาพงานที่ได้มา เพราะอย่าลืมว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของการถ่ายรูปในครั้งนี้ เราเพียงแค่อยากหากิจกรรมบันเทิงใจทำเพื่อผ่อนคลายนะจ๊ะ ลองหลับตานั่งพักสักครู่ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ประมาณ 10 วินาที หลังจากลืมตามาก็ให้มองไปรอบๆ ตัวอีกครั้ง คราวนี้คุณอาจจะเห็นมุมภาพดีๆ ที่เมื่อสักครู่นี้มองไม่เห็นก็ได้ค่ะ 
    
    การมุ่งสมาธิไปที่เลนส์ภาพจะทำให้คุณหลุดจากโลกแห่งความตึงเครียดวุ่นวายไปยังโลกแห่งศิลปะและจินตนาการ ซึ่งจะทำให้อารมณ์ขุ่นมัวต่างๆ ที่มีอยู่ตกตะกอน และจางหายไปในที่สุด

ขนมหวานมาการอง (Macaron)

      
     มาการองมีต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส มีส่วนประกอบหลักของ Almond น้ำตาล และไข่ขาว มีหลายรสชาติ และมักนิยมทานคู่กับชา หรือ กาแฟ  

      มาการองเป็นที่รู้จักครั้งแรกในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เหล่าแม่ชีชาวอิตาเลียนที่อพยพมายังประเทศฝรั่งเศสจึงดำรงชีพอยู่ด้วยอัลมอนด์  โดยนำมาประกอบเป็นอาหารหรือขนมหลายประเภท ซึ่งต่อมากลายเป็นของหวานที่ชาวฝรั่งเศสชื่นชอบมาจนถึงปัจจุบัน 

       กลิ่นหอมหวาน เคล็ดลับอยู่ที่หลังจากนำมาการอง 2 ชิ้นมาประกบกันแล้ว ต้องเก็บไว้ในที่เย็น 1 คืน เพื่อให้ไส้รสชาติต่าง ๆ ซึมซาบเข้าสู่ชั้นของคุกกี้ นอกจากนี้ความชื้นจากไส้ยังทำให้มาการองมีความนุ่มหนึบเวลาเคี้ยวอีกด้วย

ประโยชน์ของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

ผลไม้ลูกเล็กจากตระกูลเบอร์รี่ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซี ทั้งยังช่วยในเรื่องของการบำรุงสายตา 

      สตอเบอร์รี่ เป็นผลไม้พลังงานต่ำ แต่มีวิตามินซีสูง ช่วยล้างพิษ ทำให้ร่างกายสดชื่นผ่อนคลาย

  

      ราสพ์เบอร์รี่ สุดยอดผลไม้ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ มีสารที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ป้องกันโรคความจำเสื่อม  ส่วนสารสีแดงในราสพ์เบอร์รี่ช่วยในการหมุนเวียนของโลหิต

      บลูเบอร์รี่ หนึ่งในตระกูลเบอร์รี่ที่มีผิวสีน้ำเงิน บลูเบอร์รี่ช่วยในเรื่องของความจำ

      แบล๊กเบอร์รี่ หาดูได้ยากในบ้านเรา เป็นผลไม้เมืองหนาวที่มีประโยชน์มาก มีโฟลเลสสูง ช่วยเพิ่มและฟื้นฟูคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวหนังของเรา เต่งตึง และในแบล๊กเบอร์รี่ยังมีสารที่ชื่อซาลิไซเตสที่ช่วยป้องกันได้หลายโรค

      เชอร์รี่ ที่เราเห็นกันบ่อยๆ บนยอดไอศครีม หน้าตาน่ากิน แต่เชอร์รี่สดจะมีประโยชน์มากกว่า ช่วยในเรื่องของระบบการไหลเวียนโลหิต ป้องกันโรคเลือกออกตามไรฟัน และที่สำคัญยังช่วยลดกรดยูริกในผู้สูงวัยที่สามารถช่วยป้องกันโรคเกาต์ได้ดี

เกล็ดแป้งทอด''วันทำงานและวันหยุด''

การทำงานเกินสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง จะมีผลต่อความเครียดในสมองทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของเราลดต่ำลง

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับ วันชาติฝรั่งเศส 2013

วันชาติฝรั่งเศส หรือ "งานเฉลิมฉลองแห่งชาติ" (La Fête Nationale) ตรงกับวันที่ 14 กรกฎาคมของทุกปี ซึ่งในพิธีจะมีการเดินสวนสนามบนถนนช็องเซลีเซในกรุงปารีส เรามาชมภาพบรรยากาศช่วงกลางคืนกันดีกว่า ปีนี้มีการจัดคอนเสิร์ตและการจุดพลุ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณภาพสวยๆจาก www.facebook.com/paris.

อาหารเช้ามื้อสำคัญ

 ทานอาหารเช้าเป็นประจำ มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดและควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยเติมพลังให้ร่างกายและสมอง ช่วยรักษาระบบเผาผลาญพลังงานของร่างกายให้เป็นเป็นปกติ

   นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่ยืนยันว่าการรับประทานอาหารเช้าเป็นประจำ ช่วยลดความเสี่ยงที่คุณจะอ้วนได้อีกด้วย เพราะช่วยให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอ จึงลดการกินจุบจิบจากขนมซึ่งมักมีไขมัน และน้ำตาลสูง  สุดท้ายควรดื่มน้ำและนมให้เป็นนิสัย ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยระบบขับถ่ายและมีน้ำหล่อเลี้ยงในเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย และดื่มนมอย่างน้อยวันละ 1-2 แก้วนะจ๊ะ

ภูเขาไฟฟูจิ เป็นมรดกโลกแล้ว

  องค์การการศึกษา  วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก) ซึ่งจัดประชุมกันที่กรุงพนมเปญ ของกัมพูชา ประกาศขึ้นทะเบียนภูเขาไฟฟูจิของญี่ปุ่น ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ระดับความสูง 3,776 เมตร โดยระบุว่าเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ สัญลักษณ์ยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินและกวี  อีกทั้งเป็นเป้าหมายของนักเดินทางท่องเที่ยวมานานหลายศตวรรษแล้ว

ชาวอามิช (Amish)

ชาวอามิช กลุ่มชุมชนคริสต์นิกายอนาแบ๊ปติส ที่ยังเคร่งศาสนา จารีตประเพณีแบบดั้งเดิม เป็นชุมชนที่ค่อนข้างปิดตัว ปฏิเสธเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่มีรถใช้ยังคงใช้รถม้าเป็นพาหนะกันอยู่ในเขตชุมชน  ความเงียบสงบบนถนนสายเล็ก ๆ ที่สองข้างทางเพาะปลูกพืช ทำเกษตรและปศุสัตว์ในแบบดั้งเดิมและก็มีวิถีความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายมากๆ  แต่ที่มันน่าแปลกใจกว่านั้นก็คือว่าชุมชนแบบนี้เนียตั้งอยู่ในประเทศที่ทันสมัยและก็มีเสรีภาพมากๆอย่าง เมือง(Gap) รัฐเพนซิลเวเนีย(Pennsylvania) ประเทศสหรัฐอเมริกา 

    ชาวอามิชประกอบด้วยคน 2 กลุ่ม คือ คนกลุ่มเก่า(Old Order) และคนกลุ่มใหม่ (New Order) โดยคนกลุ่มเก่าจะเป็นกลุ่มที่ปฏิเสธการใช้ไฟฟ้า ยังคงใช้ชีวิตเหมือนกับวิถีชีวิตดั้งเดิมทุกอย่าง และใช้รถม้าเป็นพาหนะเพียงเท่านั้น ขณะที่คนกลุ่มใหม่ แม้จะมีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเทคโนโลยี อย่างเช่น โทรทัศน์ หรืออินเทอร์เน็ต พวกเขาใช้ไฟฟ้าเพื่อให้แสงสว่างภายในบ้าน ใช้เตาแก๊สในการหุงหาอาหาร และบางบ้านก็จะมีรถยนต์ขับ แต่ยานพาหนะสำคัญก็ยังคงเป็นรถม้าอยู่ดี

    อย่างไรก็ตาม เพราะชาวอามิชเคร่งครัดในคำสอนของคัมภีร์ไบเบิลที่ห้ามสร้างรูปจำลองเหมือนมนุษย์ ทำให้พวกเขาไม่นิยมถ่ายรูปกันเอง และไม่ชอบให้คนภายนอกมาถ่ายรูปของพวกเขาด้วย แต่ชาวอามิชหลายคนที่เป็นคนหัวสมัยใหม่หน่อยก็ไม่ได้ยึดกฎข้อนี้มากนัก บางคนก็ยืดหยุ่นให้ถ่ายรูปได้ แต่อาจถ่ายในระยะไกล หรือหากจะถ่ายโคลสอัพก็ต้องขออนุญาตเสียก่อน

    หลายคนอาจจะมองว่า ชาวอามิชเป็นกลุ่มที่ต้านกระแสของโลก แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจ ยังคงเลือกที่จะเดินไปในจังหวะนี้ ไม่จำเป็นต้องจ้ำอ้าวไปตามโลกที่กำลังหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งชาวอามิชก็มีความสุขที่อยู่ในวิถีชีวิตแบบนี้ เพราะพวกเขามองว่า สิ่งเหล่านี้มันทำให้พวกเขารู้ว่าตัวเองแข็งแรงขึ้น และมั่นใจในตัวเอง

    ชาวอามิชถูกสอนให้มีชีวิตที่เรียบง่ายมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ หากมองไปรอบ ๆ จะเห็นว่า สิ่งที่อยู่รอบตัวแฝงไปด้วยความเรียบง่าย  3 สิ่งที่ชาวอามิชให้ความสำคัญมากที่สุด ก็คือ Faith หมายถึง ความศรัทธา Family หมายถึงครอบครัว และ Friends หมายถึงเพื่อน ซึ่งใครที่ได้เข้ามาเยือนดินแดนเล็ก ๆ แห่งนี้แล้ว คงจะสัมผัสถึง 3 สิ่งนี้ได้ชัดเจน จากความเชื่อ ความรัก ความอบอุ่นที่ชาวอามิชแสดงให้เห็นอย่างจริงใจ รวมทั้งการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือทุกคนในชุมชนที่มีปัญหา ไม่ต่างจาก "คนในครอบครัวเดียวกัน"