วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ชาวอามิช (Amish)

ชาวอามิช กลุ่มชุมชนคริสต์นิกายอนาแบ๊ปติส ที่ยังเคร่งศาสนา จารีตประเพณีแบบดั้งเดิม เป็นชุมชนที่ค่อนข้างปิดตัว ปฏิเสธเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่มีรถใช้ยังคงใช้รถม้าเป็นพาหนะกันอยู่ในเขตชุมชน  ความเงียบสงบบนถนนสายเล็ก ๆ ที่สองข้างทางเพาะปลูกพืช ทำเกษตรและปศุสัตว์ในแบบดั้งเดิมและก็มีวิถีความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายมากๆ  แต่ที่มันน่าแปลกใจกว่านั้นก็คือว่าชุมชนแบบนี้เนียตั้งอยู่ในประเทศที่ทันสมัยและก็มีเสรีภาพมากๆอย่าง เมือง(Gap) รัฐเพนซิลเวเนีย(Pennsylvania) ประเทศสหรัฐอเมริกา 

    ชาวอามิชประกอบด้วยคน 2 กลุ่ม คือ คนกลุ่มเก่า(Old Order) และคนกลุ่มใหม่ (New Order) โดยคนกลุ่มเก่าจะเป็นกลุ่มที่ปฏิเสธการใช้ไฟฟ้า ยังคงใช้ชีวิตเหมือนกับวิถีชีวิตดั้งเดิมทุกอย่าง และใช้รถม้าเป็นพาหนะเพียงเท่านั้น ขณะที่คนกลุ่มใหม่ แม้จะมีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเทคโนโลยี อย่างเช่น โทรทัศน์ หรืออินเทอร์เน็ต พวกเขาใช้ไฟฟ้าเพื่อให้แสงสว่างภายในบ้าน ใช้เตาแก๊สในการหุงหาอาหาร และบางบ้านก็จะมีรถยนต์ขับ แต่ยานพาหนะสำคัญก็ยังคงเป็นรถม้าอยู่ดี
    อย่างไรก็ตาม เพราะชาวอามิชเคร่งครัดในคำสอนของคัมภีร์ไบเบิลที่ห้ามสร้างรูปจำลองเหมือนมนุษย์ ทำให้พวกเขาไม่นิยมถ่ายรูปกันเอง และไม่ชอบให้คนภายนอกมาถ่ายรูปของพวกเขาด้วย แต่ชาวอามิชหลายคนที่เป็นคนหัวสมัยใหม่หน่อยก็ไม่ได้ยึดกฎข้อนี้มากนัก บางคนก็ยืดหยุ่นให้ถ่ายรูปได้ แต่อาจถ่ายในระยะไกล หรือหากจะถ่ายโคลสอัพก็ต้องขออนุญาตเสียก่อน
    หลายคนอาจจะมองว่า ชาวอามิชเป็นกลุ่มที่ต้านกระแสของโลก แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจ ยังคงเลือกที่จะเดินไปในจังหวะนี้ ไม่จำเป็นต้องจ้ำอ้าวไปตามโลกที่กำลังหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งชาวอามิชก็มีความสุขที่อยู่ในวิถีชีวิตแบบนี้ เพราะพวกเขามองว่า สิ่งเหล่านี้มันทำให้พวกเขารู้ว่าตัวเองแข็งแรงขึ้น และมั่นใจในตัวเอง
    ชาวอามิชถูกสอนให้มีชีวิตที่เรียบง่ายมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ หากมองไปรอบ ๆ จะเห็นว่า สิ่งที่อยู่รอบตัวแฝงไปด้วยความเรียบง่าย  3 สิ่งที่ชาวอามิชให้ความสำคัญมากที่สุด ก็คือ Faith หมายถึง ความศรัทธา Family หมายถึงครอบครัว และ Friends หมายถึงเพื่อน ซึ่งใครที่ได้เข้ามาเยือนดินแดนเล็ก ๆ แห่งนี้แล้ว คงจะสัมผัสถึง 3 สิ่งนี้ได้ชัดเจน จากความเชื่อ ความรัก ความอบอุ่นที่ชาวอามิชแสดงให้เห็นอย่างจริงใจ รวมทั้งการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือทุกคนในชุมชนที่มีปัญหา ไม่ต่างจาก "คนในครอบครัวเดียวกัน"