วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ดูแลสมอง

 ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ออกกำลังกาย แต่มักจะลืมที่จะดูแลและออกกำลังสมองของเราให้แข็งแรงปราดเปรื่อง มาเริ่มออกกำลังกายสมอง ด้วยเทคนิคง่ายๆ ให้เราสวย ฉลาด สมเป็นสาวยุคใหม่กันดีกว่า

เทคนิคทำให้สมองดี ทำได้ดังนี้
1.เริ่มด้วยการออกกำลังกายให้เป็นนิสัยทุกวันๆ อย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และทำให้เริ่มต้นการทำงานได้อย่างสดชื่น นอกจากนี้ยังลดความตึงเครียดในระหว่างการทำงานให้น้อยลงด้วย

2 อาหารอะไรก็ตามที่คุณทาน ควรจะเป็นอาหารที่ให้ใยอาหารสูง ให้ปริมาณไขมันและโปรตีนในปริมาณพอเหมาะ แนะนำให้เลือกอาหารประเภทผสมธัญพืชขัดสีน้อย เช่นเครื่องดื่มนมผสมธัญพืช ที่เป็นแหล่งของใยอาหาร อีกทั้งยังมีสารอาหารที่จำเป็นในการพัฒนาร่างกายและสมองด้วย อาหารอีกชนิดหนึ่งที่แนะนำก็คือ ประเภทปลาที่มีโอเมก้า 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อการพัฒนาสมอง 

3.กำหนดลมหายใจเข้า-ออก แบบลึกๆ ยิ่งหายใจได้ลึกเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้รับออกซิเจนไปเลี้ยงสมองมากเท่านั้น และการฝึกสมาธิก็เป็นวิธีหนึ่งในการออกกำลังสมอง ให้สามารถจดจำและมีจินตนาการได้ดี

4.มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่กิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน การขีดเขียนเป็นประจำแบบนี้จะช่วยบริหารสมองไปโดยอัตโนมัติ ควรพยายามนึกและพยายามเล่าเรื่องให้ได้ใจความครบถ้วน


5.เพื่อเป็นการเพิ่มรอยหยักให้สมอง เมื่อใดก็ตามที่คุณว่าง ให้ลองหาเกมลับสมองมาเล่นดู เช่นเกมปริศนาอักษรไขว้ ต่อจิ๊กซอว์ โซดุกุ หรือหมากรุก จะช่วยให้สมองได้ทำงาน เป็นเหมือนการลับสมองให้เฉียบคมอยู่เสมอ


วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

กินแตงโมช่วยป้องกันโรคหัวใจได้

แค่เพียงกินแตงโมชิ้นบางๆวันละชิ้น นักวิจัยมหาวิทยาลัยเปอร์ดิวของสหรัฐฯ พบว่า การกินแตงโมวันละหนึ่งชิ้นจะช่วยป้องกันโรคหัวใจ และน้ำหนักเกินได้ เพราะมันจะช่วยป้องกันการสะสมของไขมันที่เป็นอันตราย

นักวิจัยได้ศึกษากับหนูทดลองที่ถูกขุนให้กินอาหารไขมันสูง ได้ความรู้ว่า การกินแตงโมจะช่วยลดอัตราสะสมของไขมันรวมโปรตีนเลว ที่มีความหนาแน่นต่ำลงเกือบครึ่ง ไขมันเลวทำให้หลอดเลือดอุดตัน และเป็นโรคหัวใจ

ขณะที่แตงโมช่วยควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เพิ่มขึ้น และลดปริมาณไขมันที่จับอยู่ภายในหลอดเลือด และคิดว่าคุณประโยชน์ของแตงโมอาจจะเป็นเพราะสารไซตรุลไลน์ อันเป็นสารเคมีที่พบอยู่ในน้ำคั้นของมัน สารนี้เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง เกี่ยวกับการสร้างยูเรียในร่างกาย เคยมีการศึกษาพบว่ามันมีสรรพคุณป้องกันโรคหัวใจ โดยช่วยลดความดันโลหิตลงได้.

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

HAPPY PLANET INDEX ชี้ดัชนีความสุขของไทยอยู่อันดับ20ของโลก


ดัชนีความสุขของโลก แฮปปี้ เพลนเนต อินเด็กซ์ ชี้ ไทยมีคะแนนดีขึ้นได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ 20 ของโลก เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นโก (cnngo.com) ของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น สหรัฐอเมริกา เผยแพร่ผลสำรวจดัชนีความสุขของโลก แฮปปี้ เพลนเนต อินเด็กซ์หรือเอชพีไอ ที่จัดทำขึ้นทุกๆ 3 ปี โดยมูลนิธิเศรษฐกิจใหม่ของอังกฤษ ซึ่งผลปรากฏว่าในปี 2555 นี้ ประเทศ ไทยมีคะแนนดีขึ้นมาก ได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ 20 ของโลก จากสถิติเดิมอันดับที่ 41 ในปี 2552 และอันดับที่ 32 ในปี 2549

สำหรับการจัดอันดับประเทศอื่นๆทั้งหมด 151 ชาติ อันดับ 1 คือ คอสตาริกา 2.เวียดนาม 3.โคลอมเบีย 4.เบลิซ 5.เอลซัลวาดอร์ 6.จาเมกา 7.ปานามา 8. นิการากัว 9.เวเนซุเอลา และ 10.กัวเตมาลา ซึ่งในอันดับท็อปเท็นนี้เป็นประเทศในภูมิภาคอเมริกากลางและอเมริกาใต้ถึง 7 ประเทศ ตามด้วยอันดับ 11.บังกลาเทศ 12.คิวบา 13.ฮอนดูรัส 14.อินโดนีเซีย 15. อิสราเอล 16. ปากีสถาน 17. อาร์เจนตินา 18.แอลเบเนีย 19.ชิลี และอันดับ 20 ไทย ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านของเรา อย่าง สปป.ลาว ได้อันดับที่ 37 พม่าอันดับที่ 61 มาเลเซียอันดับที่ 84 กัมพูชาอันดับที่ 85 และสิงคโปร์อันดับที่ 90

ส่วนประเทศอื่นๆรวมถึงชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจนั้น ได้แก่ อันดับ 29 นอร์เวย์ 34.สวิตเซอร์- แลนด์ 41.อังกฤษ 45.ญี่ปุ่น 46.เยอรมนี 50.ฝรั่งเศส 51.อิตาลี 52.สวีเดน 60.จีน 62.สเปน 63.เกาหลีใต้ 78.ออสเตรเลีย และอันดับที่ 105.สหรัฐฯ ขณะที่เดนมาร์กชาติที่เคยได้รับการจัดอันดับว่ามีความสุขที่สุดในโลกโดยดัชนีความสุขของสหประชาชาตินั้น ถูกจัดอันดับอยู่ที่ 110 ต่ำกว่าอัฟกานิสถานซึ่งอยู่อันดับที่ 109 ส่วนชาติที่ได้รับการจัดอันดับว่ามีความสุขน้อยที่สุดในโลกคือ 142.แอฟริกาใต้ 143.คูเวต 144. ไนเจอร์ 145.มองโกเลีย 146.บาห์เรน 147.มาลี 148.สาธารณรัฐแอฟริกากลาง 149.กาตาร์ 150.ชาด และ 151.บอสวานา

ทั้งนี้ นายนิค มาร์ค นักวิจัยของมูลนิธิเศรษฐกิจใหม่เผยว่า การจัดอันดับครั้งนี้ใช้สูตรการคำนวณแบบใหม่ที่จะแสดงให้เห็นว่าแต่ละประเทศมีประสิทธิ-ภาพมากน้อยเพียงใดในการทำให้ประชาชนและคนรุ่นหลังอยู่อย่างสุขสบาย โดยจะคำนวณอัตราส่วนของจำนวนปีที่คนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและค่าเฉลี่ยอายุขัยของคนในประเทศ นำมาเทียบกับหน่วยการใช้ทรัพยากรที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กล่าวคือบางประเทศถึงประชากรจะมีชีวิตยืนยาวและมีความสุข แต่หากใช้ทรัพยากรที่ทำลายสิ่งแวดล้อมมาก ประเทศนั้นก็จะได้คะแนนน้อย ขณะที่บางประเทศประชากรมีความสุขปานกลางแต่ใช้ทรัพยากรน้อยก็จะได้คะแนนสูง ยกตัวอย่างไทย ที่มีค่าเฉลี่ยอายุขัย 74.1 แต่คะแนนทำลายสิ่งแวดล้อมอยู่ที่ 2.4 ขณะที่สิงคโปร์มีค่าเฉลี่ยอายุขัย 81.1 แต่คะแนนทำลายสิ่งแวดล้อมอยู่ที่ 6.1.